โครงงานคอมพิวเตอร์

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

วันไหว้ครู

วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษา ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู

ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ปี คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัยสถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา

ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า“ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บันดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง”

จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่น ๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน เป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มีวันครูเพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกันประชาชน

การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือ หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ

การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลาในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

1. กิจกรรมทางศาสนา

2. พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณ บูรพาจารย์

3. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬาหรือ การจัดงาน รื่นเริงในตอนเย็น



ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้มีการกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่งประเทศ สำหรับในส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครู ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วยบุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด สำหรับส่วนภูมิภาคมอบให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกับส่วนกลางจะจัดรวมกันที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็ได้

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ประวัติวันลอยกระทง

ประเพณีลอยกระทงนั้นมีมาแต่โบราณ โดยมีคติความเชื่อหลายอย่าง เช่น เชื่อว่าเป็นการบูชาและขอขมาแม่พระคงคา เป็นการสะเดาะเคราะห์ เป็นการบูชาพระเจ้าในศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการบูชารอยพระพุทธบาท เป็นต้น การลอยกระทงนิยมทำกันในวันเพ็ญ เดือน 12 ของทุก ๆ ปี อันเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำลำคลองขึ้นสูงและอากาศเริ่มเย็นลง ตามพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือน และตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้กล่าวว่า นางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระสนมเอกในพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย เป็นผู้ริเริ่มประดิษฐ์กระทงสำหรับลอยประทีปเป็นรูปดอกบัวบานขึ้น ซึ่งคนทั่วไปนิยมทำตามสืบต่อมา นอกจากนั้นในศิลาจารึกหลักที่ 1 ยังได้กล่าวถึง งานเผาเทียน เล่นไฟ ของกรุงสุโขทัยไว้ด้วยว่า เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้ผู้รู้ทั้งหลายสันนิษฐานต้องตรงกันว่า งานดังกล่าวน่าจะเป็นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน


ประวัติวันลอยกระทง

นางนพมาศ สนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย คิดทำกระทงรูปดอกบัว และรูปต่างๆถวาย พระร่วงทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ำไหล ในหนังสือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า "แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอย เป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมฆทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน"

ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำกระทงขนาดใหญ่และสวยงาม ดังพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของเจ้าพระยาทิพาราชวงศ์ กล่าวไว้ว่า "ครั้นมาถึงเดือน 12 ขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ แรมค่ำหนึ่งพิธีจองเปรียงนั้น เดิมได้โปรดให้ขอแรง พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน และข้าราชการที่มีกำลังพาหนะมาทำกระทงใหญ่ ผู้ถูกเกณฑ์ต่อเป็นถังบ้าง ทำเป็นแพหยวกบ้าง กว้าง 8 ศอกบ้าง 9 ศอกบ้าง กระทงสูงตลอดยอด 10 ศอก 11 ศอก ทำประกวดประขันกันต่างๆ ทำอย่างเขาพระสุเมรุทวีปทั้ง 4 บ้าง และทำเป็นกระจาดชั้นๆบ้าง วิจิตรไปด้วยเครื่องสด คนทำก็นับร้อย คิดในการลงทุนทำกระทงทั้งค่าเลี้ยงคนและพระช่าง เบ็ดเสร็จก็ถึง 20 ชั่งบ้าง ย่อมกว่า 20 ชั่งบ้าง"

ปัจจุบันประเพณีลอยกระทง มีการจัดงานกันแทบทุกจังหวัด ถือเป็นงานประจำปีที่สำคัญ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่มีการจัดขบวนแห่กระทงใหญ่ กระทงเล็ก มีการประกวดกระทง และประกวดธิดางามประจำกระทงด้วย ส่วนการลอยโคม ชาวบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสานยังนิยมทำกัน ชาวบ้านจะนำกระดาษ มาทำเป็นโคมขนาดใหญ่สีต่างๆ ถ้าลอยตอนกลางวัน จะทำให้โคมลอยโดยใช้ควันไฟ ถ้าเป็นเวลากลางคืน ก็จะใช้คบจุดที่ปากโคม ให้ควันพุ่งเข้าในโคม ทำให้ลอยไปตามกระแสลมหนาว เวลากลางคืนแลเห็นแสงไฟโคมบนท้องฟ้า พร้อมกับแสงจันทร์และดวงดาวสวยงามมากทีเดียว

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โครงงานพัฒนา ต้นไม้ โรงเรียนเทศบาล ๒

จุดมุ่งหมาย เพื่อ : 1.ปลูกฝังจิตสำนึกในการปลูกต้นไม
2.เพื่อนำไปประยุกในชีวิตประจำวัน
3.สามารถนำไปสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวได้
4.เพื่อสร้างความร่มรื่นเป็นที่ผ่อนคลายให้กับผุ้อื่นได้
จุดอ่อน/ปัญหา : 1.โลกเราโดนตัดไม้ทำลายป่ามามากเลยทำให้โลกร้อนและมีภัยธรรมชาติบ่อยขึ้น
2.โรงเรียนของเรามีต้นไม้น้อยเวลาฤดูร้อนจะไม่มีต้นไม้ค่อยบังแสงแดด
3.สวนย่อมมีขยะเยอะมากทำให้ต้นไม้แห้งเฉาล้มตายไปหลายต้น
จุดเด่น 1.ให้ความร่มรื่น
2.ทำให้ต้นำม้สีเขียวสมบูรณ์
3.สามารถนำพืชผักสวนครัวมาทำอาหารกินในโรงเรียนได้
แนวทางดำเนินการ 1.ช่วยปลูกต้นไม้ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมำม่ให้เกิดภัยธรรมชาติ
2.ช่วยกันหาพันธ์ไม้มาเพาะปลูกพันธ์ใหม่
3.ช่วยกันปลูกต้นไม้แบ่งออกไปขายหาทุนเข้าโรงเรียน
4.หาต้นไม้พันธ์ใหญ่มาเพาะปลูกในโรงเรียนจะเกิความร่มเงา
5.และจัดตกแต่งสวนย่อม

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องการสำรวจความสะอาดในเทศบาล2: ประวัติโรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดช่องลม)

โรงเรียนเทศบาล๒(วัดช่องลม) เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในวัดช่องลม เลขที่ 629/1 ถนนไกลเพชร ตำบล หน้าเมืองอำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เดิมเป็นโรงเรียนประชาชนบาลเปิดทำการสอนเมื่อวันที่10เมษายน 2467 ใช้ศาลาการเปรียญเป็นสถานศึกษา เปิดเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่1-ชั้นประถมศึกษาปีที่6 มีครู8คนนักเรียน 90คน
ที่ตั้ง/ขนาด
โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดช่องลม) ตั้งอยู่เลขที่ 629/1 ถนนไกลเพชร ตำบลหน้าเมืองอำเภอเมืองราชบุรีหมายเลขโทรศพท์ 032337265 ทิศเหนือติดที่วัดช่องลม ทิศใต้ติดถนนไกลเพชร ทิศตะวันออกติดวัดช่องลม ทิศตะวันตกติดชุมชน จัดเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีอาคารเรียน5หลัง ในพื่นที่3ไร่ 1งาน23 ตารางวา เปิดทำการสอนระดับชั้นประถมวัย-มัธยมปีที่3
สภาพชุมชน
โรงเรียนตั้งอยู่ในบริเวณชุมชน มีสถานที่ราชกาล ตลาดและโรงงานอุส่าหกรรม(โรงงานปั้นโอ่ง)
ผู้ปหครองนักเรียนส่วยใหญ่มีอาชีพรับจ้าง กรรมกรในโรงโอ่ง ขับขี่สามล้อ ค้าขายรถเข็น รับจ้างก่อสร้าง
เก็บกระดาษขาย หาเช้ากินค่ำ เป็นลูกจ้างรายวัน ให้ลูกอยู่กับ ปู่ ย่า ตา ยาย หรืออยู่ตามลำพังกับพี่น้อง บางครอบครัวไปรับจ้างทำงานต่างจังหวัด ครอบครัวขาดความรัก เด็กๆ ต้องช่วยเหลือตัวเอง ขาดเรียนบ่อย และสุขภาพไม่แข็งแรง เพราะอยุ่ในแหล่งเสื่อมโทรมของชุมชน
วัดช่องลม เป็นพระอารามหลวง พระครูโสภณ ปัญญาวัฒน์ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ ประมาณ 30-40รูป ส่วนที่เป็นวัตถุโบราณวัตถุ คือ หลวงพ่อแก่นจันทร์ รอบๆ วัดมีจำนวนครัวเรือนประมาณ 50หลังคา จำนวนประชากรประมาณ200 คน อาชีพรับจ้าง ค้าขาย รายได้เดือนละประมาณ5000-8000บาท
ข้อมูลพื้นฐาน เป็นโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี สำนักประสานและพัฒนาการจัด การศึกษาท้องถิ่นกระทรวงมหาดไทยกลุ่มโรงเรียนเทศบาล ภาคกลาง เขตการศึกษาท้องถิ่นที่5
ปรัญญา ประพฤติดี มีวิชา พัฒนาคุณภาพชีวิต
อุดมการณ์ พัฒนาผู้เรียน ดี เก่ง มีความสุข รักประเทศชาติ
คติพจน์ สมัคคี มีวินัย ใจซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน คนขยัน กตัญญู
คำขวัญ วินัยดี มีวิชา กีฬาเด่น เป็นโรงเรียนของชุมชน
อักษรย่อ ท.๒
สีประจำโรงเรียน น้ำตาล-เหลือง
ดอกไม้ประจำโรงเรียน ดอกกล้วยไม้
เกียรติคุณโรงเรียน
☼ ปีการศึกษา 2540 โล่รางวัลสถานศึกษาที่จัดจริยธรรมดีเด่น จากกระทรวงศึกษาธิการ
☼ ปีการศึกษา 2541 รางวัลดีเด่นระดับประเทศจากการประกวดเล่านิทาน เด็กกล้ากับตาหมีพลัสรายการโทรทัศน์บ้านน้อยซอยเก้า สถานนีโทรทัศน์ช่อง 9
☼ ปีการศึกษา 2542 รางวัลโล่พระราชทาน ชนัเลิศ ชนะเลิศการแข่งขันเล่านิทานเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี
☼ ปีการศึกษา 2543 รางวัลเหริยญทอง สื่อการเรียนระดับอนุบาล เขตการศึกษา 5รางวัลชนะเลิศ การแข่งขันฟุตบอล กีฬาโรงเรียน เทศบาลและเมือง พัทยา ครั้งที่ 16ระดับกลาง รางวัลชนะเลิศ ประกวดการประดิษฐ์กระทงประเภทสวยงาม
☼ ปีการศึกษา 2544 รางวัลชนะเลิศ ประกวดโรงอาหารดีเด่น จากเทศบาลเมืองราชบุรี
☼ ปีการศึกษา 2545 รางวัลเหรียญทองการประกวดสื่ออนุบาล เขตการศึกษา 5 เกียติบัตรโรงอาหารได้มาตรฐานระดับ " ดีมาก" จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เกียรติบัติ สถานประกอบการที่ได้รับการรับรองดำเนินงานตาม แนวทางที่ดีด้านการป้องกันและมลพิษ จากกลมควบคุม มลพิษและสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย โล่ประกาศ เกียรติคุณ โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพดีเด่นระดับทอง จังหวัดราชบุรี
☼ ปีการศึกษา 2546 โล่ประกาศเกียรติคุณ โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพดีเด่น ระดับทอง จังหวัดราชบุรี
☼ ปีการศึกษา 2547 โล่ประกาศเกียรติคุณ โรงเรียนส่งเสริม สุขภาพดีเด่น ระดับทอง จังหวัดราชบุรี
☼ ปีการศึกษา 2548 โล่ประกาศเกียรติคุณ โรงเรียนส่งเสริม สุขภาพดีเด่น ระดับทอง จังหวัดราชบุรี ชนะเลิศประกวดสวดมนต์ทำนองศรพรรณยะจังหวัดนนทบุรีชนะเลิศตอบปัญหาภาคกลางจังหวัดนนทบุรี ชนะเลิศกีฑาชายหญิงจังหวัดราชบุรี ชนะเลิศประกวดกระมงประเภทสวยงาม
☼ ปีการศึกษา 2549 ได้รางวัลชนะเลิศกีฑาชายอายุ13ปีระดับประเทศจังหวัดสุราษธานีรางวัลชนะเลิสประกวดพอลัมนักเขียนน้อยจากหนังสือเพื่อนรักระดับประเทศได้รับเหรียญทอง ทางวิชาการชั้นป.3เขตการศึกษาท้องถิ้นที่5 เทศบาลเมือง หัวหิน รางวัลชนะเลิศเหรียญทองยอกเยี่ยมเกะสละผลไม้ช่วงชั้นที่ 5 เขตการศึกษา ท้องถิ่นที่5 เทศบาลเมืองหัวหิน รางวัลชนะเลิศเหรียญทองยอดเยียมเขียนบรรยายภาพภาษาอังกฤษช่วงชั้นที่ 3 เขตการศึกษาท้องถิ่นที่5 เทศบาลเมืองหัวหิน ผ่านการประเมินโครงการ โรงเรียนส่งเสริมคุณภาพ และเด็กไทยทำได้รางวัลรองชนะเลิศระดับ 2 โครงการธนาคารขยะระดับภาคกลางได้รับรางวัลชนะเลิศประดิษฐ์ ดอกไม้สด ระดับจังหวัด

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โครงงานคอมพิวเตอร์

โครงงาน หมายถึง กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้าทดลองแล้วลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง

ตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือกระบวนการใดๆ ที่สามารถนำมาใช้ศึกษาคำตอบในเรื่องนั้นๆ โดยมีครูผู้สอนคอยให้คำปรึกษาแนะนำแก่นักเรียนอย่างใกล้ชิด

ประเภทของโครงงาน

1. โครงงานประเภทสำรวจ เป็นโครงงานประเภทเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อหาสาเหตุของปัญหาหรือสำรวจความคิดเห็น

2. โครงงานประเภททดลอง เป็นโครงงานเป้นโครงงานที่ต้องออกแบบทดลอง เพื่อศึกษาผลการทดลองว่าเป็นไปตามทีต้องสมมุติฐานไว้หรือไม่

3. โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เป้นโครงงานที่ประยุกต์หลักการทางวิทยาศาสตร์เข้าสุ่กระบวนการปฏิบัติ โดยอาศัยเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์

เพื่อประดิษฐ์ชิ้นงาน

4. โครงงานประเภททฤษฎี เป้นโครงงานที่มีลักษณะเป็นกากหาความรุ้ใหม่โดยการรวบรวมข้อมูลและนำมาวิเคราะห์จากสถิติแล้วอภิปราย

ลักษณะสำคัญของโครงงาน

1. เป็นเรื่องที่นักเรียนสนใจ ต้องการหาคำตอบ

2. เป็นการเรียนรู้ที่มีกระบวนการ มีระบบ

3. เป็นการบูรณาการการเรียนรู้

4. นักเรียนได้ใช้ความสามารถและทักษะในหลายๆด้าน

5. มีความสอดคล้องกับชิวิตจริง

6. มีการศึกษาด้วยวิธีการและแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย

7. เป็นการแสวงหาควาทมรู้และสรุปความรู้ด้วยตนเอง

8. มีการนำเสนอโครงงานที่เหมาะสม

9. สิ่งที่ค้นพบสามารถนำไปรปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

กิจกรรมที่จัดว่าเป็นโครงงาน ควรมีอค์ประกอบหลักดังนี้

1. เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวคล้องกับซอฟต์แวร์และเครื่องคอมพิวเตอร์

2. นักเรียนเป็นผู้ริเริ่มและเลือกเรื่องที่จะศึกษา ค้นคว้าและพัฒนา

3. เก็บรวบรวมหรืประดิษฐ์คิดค้นด้วยตนเองตามความสนใจและระดับความรู้ความสามารถ

4. นักเรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา สรุปและนำเสนอผลงานการศึกษาด้วยตนเอง โดยมีครูผู้สอน

แนวทางการเขียนโครงงาน

1. ชื่อโครงงาน(ระบุชื่อโครงงานที่ชัดเจน กะทัดรัด เฉพาะเจาะจงว่าจะทำอะไร ศึกษาอะไร)

2.ชื่อผู้ทำโครงงาน(ระบุชื่อ-นามสกุลนักเรียน ระดับชั้น โรงเรียน ขอผู้จัดทำโครงงาน)

3.ชื่อครูที่ปรึกษา(ระบุชื่อครูที่ให้คำปรึกษา คำแนะนำในการทำโครงงาน)

4.บทคัดย่อ(บอกเค้าโครงของโครงงานอย่างย่อๆ ซึ่งประกอบด้วย เรื่อง / วัตถุประสงค์ / วิธีการศึกษาและการสรุป)

5.กิตติกรรมประกาศ(ระบุคำกล่าวแสดงความขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงานที่ได้ให้ความช่วนยเหลือจนงานสำเร็จ)

6.ที่มาและความสำคัญขอโครงงาน(เขียนอธิบายว่าโครงงานนี้มีสาเหตุมาจากอะไร ดีอย่างไร ทำไมจึกต้องทำ มีหลักทฤษฎีอะไรสนับสนุน ขยายเพิ่มเติมปรับปรุงมาจากเรื่องอะไร)

7.สมมติฐานของการศึกษา(เป็นการคาดคะเนคำตอบไว้ล่วงหน้า)

8.วิธีการดำเนินการ(ระบุระยะเวลาดำเนินงาน ขั้นตอนการปฏิบัติผู้รับผิดชอบ หรืออธิบายการเริ่มทำงาน การจัดทำข้อมูล การจัดรูปแบบ การเก็บข้อมูล ขั้นตอนการดำเนินงานเป็นอย่างไร)

9.สรุปผลการศึกษา (ระบุความรู้ทักษะ ประสบการณ์ สิ่งที่ได้รับ ความแปลกใหม่ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผลงานที่ตรงตามจุดหมาย ผลการศึกษาค้นคว้าที่ได้รับ)

10.อภิปรายผล/ประโยชน์ / ข้อเสนอแนะ (ระบุถึงผลที่ได้รับ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ จากการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้และระบุข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดทำโครงงาน)

11.เอกสารอ้างอิง (ระบุหนังสือ เอกสารที่ใช้ประกอบการศึกษาค้นคว้ารวมทั้งระบุชื่อบุคคลที่ให้ข้อมูลในการศึกษาค้นคว้า)